วัยเด็ก เป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งการเจริญเติบโตทั้งในเชิงสรีระและพัฒนาการทางความคิด หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เด็กน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพในอนาคต คือ การเลือกเสื้อผ้าเด็กเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกับกิจกรรมและช่วงวัยของเด็ก เพราะด้วยสรีระของลูกน้อยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่พวกเขาทำอีกด้วย
เคล็ดลับการมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้าคุณหนูในโอกาสต่างๆ ดังต่อไปนี้
วัยแรกเริ่ม ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ขวบ
วัยนี้เป็นวัยที่ต้องทะนุถนอมเป็นอย่างมาก เพราะภูมิคุ้มกันต่างๆ ของร่างกายยังมีน้อยมาก ดังนั้นเราควรเลือกเสื้อผ้าเด็กที่ผลิตจากเส้นใยที่ได้มาจากธรรมชาติ ที่ปราศจากสารเคมีที่ใช้ในการตกแต่งเนื้อผ้า และเหมาะสมกับทุกสภาวะอากาศ อย่างผ้าฝ้ายแท้ธรรมชาติคุณภาพสูง 100% โดยในฤดูร้อนควรจะเลือกเสื้อผ้าที่ให้ความรู้สึกบางเบา สามารถถ่ายเทอากาศได้ดีและแห้งเร็ว เมื่อมีเหงื่อออกหรือน้ำนมหกเปื้อนจะไม่เกิดแบคทีเรียหรือกลิ่นอับชื้นที่อาจส่งผลให้เกิดผื่นแพ้ได้ง่าย ส่วนในฤดูหนาวหรืออยู่ในห้องปรับอากาศ ควรเลือกเสื้อผ้าที่หนานุ่มสบายผิวและให้ความรู้สึกอุ่นสบาย
วัยเตาะแตะ อายุระหว่าง 1-3 ขวบ
เป็นวัยที่เริ่มซุกซน อยากรู้อยากเห็น เริ่มมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเฝ้าดูแลความปลอดภัยของเด็กวัยนี้ให้มาก ควรเลือกเสื้อผ้าเด็กที่ทำความสะอาดได้ง่าย และระบายอากาศได้ดี โดยเสื้อผ้าเด็กวัยนี้สามารถเพิ่มกลิ่นอายของแฟชั่น ความสวยงามและลูกเล่นได้ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกสิ่งตกแต่งบนเสื้อผ้าที่ไม่มีความแหลมคม ความแข็ง หรือมีลักษณะที่จะสามารถเสียดสีหรือกดทับผิวอันอ่อนนุ่มของลูกน้อย เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดความระคายเคืองแล้ว ยังอาจเป็นต้นเหตุต่อการเกิดบาดแผลขึ้นได้อีกด้วย
วัยเตรียมอนุบาล คือ อายุระหว่าง 3-5 ขวบ
เป็นวัยที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ชอบเลียนแบบ ชอบทำกิจกรรม และเป็นวัยที่ต้องเริ่มปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ เข้าร่วมสังคมต่างๆ เริ่มรู้จักเลือกสิ่งของที่ชอบ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกซื้อเสื้อผ้าด้วยตัวเองบ้าง โดยเริ่มเลือกรูปแบบที่เป็นแฟชั่นหรือที่กำลังนิยมสำหรับเด็กในวัยนี้ รวมถึงควรเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับกิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรมกลางแจ้ง ก็ควรเลือกเสื้อผ้าที่สามารถป้องกันแสงยูวีได้ เพื่อลดผลกระทบต่อผิวหนังของเด็ก หรือกิจกรรมภาคสนามที่ต้องลุย ก็ควรจะเลือกเสื้อผ้าที่สามารถซักทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกได้ง่าย ซึ่งจะช่วยลดการใช้สารเคมีหรือผงซักฟอกที่เข้มข้นในการขจัดคราบสกปรก ที่อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวและสุขภาพของลูกน้อย